简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ปลายปี 2017 คือจุดพีคของกระแส Bitcoin ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการรวยเร็ว ราคาพุ่งทะยานจาก $1,000 สู่เกือบ $20,000 ในเวลาไม่ถึงปี จนเกิดกระแส FOMO ไปทั่วโลก ผู้คนเทขายทรัพย์สินเพื่อเข้าตลาด แต่เมื่อต้นปี 2018 ฟองสบู่แตก ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรง สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า “ตลาดที่ขึ้นเร็ว มักลงแรง” แม้ภายหลังคริปโตจะฟื้นตัวและพัฒนาต่อไป แต่เหตุการณ์ปี 2017 ยังเป็นรอยจำของนักลงทุนรุ่นเก่า เตือนใจให้คิดให้รอบคอบก่อนลงทุน และอย่าหลงไปกับกระแสโดยไม่เข้าใจสิ่งที่ถืออยู่
ช่วงปลายปี 2017 ถ้าคุณเปิด Facebook, เปิด YouTube หรือแม้แต่กินข้าวกับเพื่อนสักวง มีโอกาสสูงมากที่คุณจะได้ยินคำว่า “Bitcoin” แบบไม่ต่ำกว่าสิบรอบ และถ้าคุณไม่ได้ถือมันอยู่ล่ะก็...คุณจะรู้สึกเหมือนเป็น “คนหลุดขบวนรถด่วนสู่ความรวย” อย่างไม่มีข้อแก้ตัว
ในช่วงเวลานั้น Bitcoin ไม่ใช่แค่เหรียญดิจิทัล แต่มันคือสัญลักษณ์ของการ “รวยเร็ว” โดยไม่ต้องทำงานงก ๆ ทั้งชีวิต ราคามันทะยานจากแค่ไม่กี่พันดอลลาร์ ไปถึงเกือบ $20,000 ภายในเวลาไม่ถึงปี แต่เมื่อทุกอย่างดูดีเกินจริง มันก็มักจะ “ไม่จริง” อย่างที่หลายคนได้เรียนรู้ในปีถัดมา
ยุคทองของ Bitcoin และความคลั่งไคล้ระดับโลก
ต้นปี 2017 Bitcoin อยู่ที่ราคาประมาณ $1,000 ซึ่งตอนนั้นแม้จะดูแพง แต่ก็ยังไม่มีใครจินตนาการออกว่าอีกไม่กี่เดือน ราคามันจะคูณสิบ ในช่วงครึ่งปีหลัง ข่าวคริปโตปรากฏแทบทุกสำนัก
มันไม่ใช่แค่ “การเทรด” อีกต่อไป แต่มันกลายเป็น “เทรนด์วัฒนธรรม”คนบางกลุ่มลาออกจากงานประจำ บางกลุ่มขายรถ ขายทอง บางคนถึงกับจำนองบ้านเพื่อเอาเงินไปเทซื้อเหรียญ
จุดพีคของฟองสบู่ และการตกชั้นแบบไร้ร่มชูชีพ
17 ธันวาคม 2017 คือวันที่ Bitcoin แตะจุดสูงสุดของปีที่ราว $19,783 ผู้คนเฮโลกันเทเข้า “ก่อนจะถึง $50,000” ตามคำเชียร์ แต่แค่เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น…กราฟก็เริ่มเปลี่ยนสี ตลาดเริ่มขยับลงช้า ๆ ตามด้วยแรงเทขายจากเทรดเดอร์ที่ “เพิ่งเริ่มกลัว” จีนเริ่มออกมาตรการแบน Exchange หน่วยงานการเงินทั่วโลกเริ่มเตือนว่า ICO คือการหลอกลวงในรูปแบบใหม่ ราคาของ Bitcoin ที่เคยขึ้นวันละพัน ดันเริ่มลงวันละพันเหมือนกัน และพอเข้าสู่เดือนมกราคม 2018 ความเชื่อมั่นในตลาดก็พังทลาย ราคาตกลงมาเหลือเพียง $6,000 – $7,000 และต่อไปอีกไม่นานก็ลงแตะ $3,000 ในช่วงปลายปี
คนที่รวยจาก Bitcoin 2017 คือใคร?
คำตอบสั้น ๆ: “คนที่ขายก่อนมันลง” แต่ในความเป็นจริง คนกลุ่มนั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่คือคนที่ “คิดจะขายพรุ่งนี้” เพราะมั่นใจว่ามันยังจะขึ้นได้อีก มีคนจำนวนไม่น้อยที่ “ติดดอย” ที่ $18,000 – $19,000 และไม่เคยขายออกเลยจนถึงทุกวันนี้
ฟองสบู่แตก ไม่ได้แปลว่าคริปโตตาย
แม้ตลาดจะ crash รุนแรง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่หายไปคือ “นวัตกรรม” หลังจากปี 2018 ผ่านพ้น ตลาดคริปโตเริ่มเข้าสู่การพัฒนาระบบจริงจัง
แต่ทุกครั้งที่พุ่งขึ้น ก็ยังมีเงาของปี 2017 ตามมาหลอกหลอน ทุกครั้งที่มีเหรียญใหม่ ๆ เกิด ทุกครั้งที่มีข่าว “คนธรรมดารวยในคืนเดียว” นักเทรดรุ่นเก่าจะนั่งเงียบ ๆ แล้วพิมพ์ในกลุ่มว่า: “ดูไว้เป็นบทเรียนนะ”
บทเรียนที่เทรดเดอร์ควรจำ (และต้องจำ)
สุดท้ายนี้…
เรื่องของ Bitcoin 2017 ไม่ใช่แค่นิทานปรัมปรา แต่เป็น “ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยได้ทุกเมื่อ” และในตลาดที่ความโลภวิ่งเร็วกว่าสติ เราต้องเป็นเทรดเดอร์ที่ “จำแม่นกว่าแค่จำราคา” ถ้าคุณกำลังคิดจะเข้าคริปโตตอนนี้ หรือถืออยู่แล้ว…อย่าดูแค่กราฟ อย่าฟังแค่ข่าวบวกจงดูอดีตของตลาด แล้วถามตัวเองว่า “ถ้าปีนี้คือ 2017 อีกครั้ง…คุณจะขายทันหรือเปล่า?”
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
Robinhood เปิดตัวโทเคนหุ้นอ้างอิงบริษัทดังอย่าง OpenAI และ SpaceX แม้หุ้นยังไม่ IPO จุดกระแส Tokenization แต่กลับถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส เมื่อพบว่าโทเคนเหล่านั้นอาจไม่ใช่หุ้นจริง ไม่ได้ให้สิทธิ์ผู้ถือ และอาจเป็นเพียงตราสารอนุพันธ์บนบล็อกเชน ด้าน OpenAI ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ตลาดเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า “นี่คือการลงทุนจริง หรือแค่ภาพลวงตา” บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนยุคใหม่: อย่ามองแค่ชื่อแบรนด์ ต้องตรวจสอบเบื้องหลังว่า "ถืออะไรอยู่จริง"
Ricardo Salinas มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเม็กซิโก ออกโรงเตือนถึงภัยจาก ระบบเงินเฟียต (Fiat money) ที่ไม่มีอะไรค้ำประกัน พร้อมประกาศชัดว่า Bitcoin และทองคำ คือทางรอดของความมั่งคั่งในยุคเศรษฐกิจเปราะบาง “บ้านสร้างเพิ่มได้…แต่ Bitcoin มีจำกัด” Salinas มองว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ที่เก็บมูลค่าอีกต่อไป เพราะถูกเงินเฟ้อกัดกิน ขณะที่ Bitcoin เป็น “Hard money” ที่ไม่มีใครควบคุมได้ และพกพาได้ไร้พรมแดน เขายังจี้ให้พิจารณารีไฟแนนซ์บ้าน แล้วเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อแทน พร้อมวิจารณ์แรงว่า…“เงินเฟียตคือเครื่องมือขโมยความมั่งคั่งของประชาชน”
Megaland แพลตฟอร์ม NFT สัญชาติไทยประกาศยุติบริการ 1 ส.ค. 2568 หลังกระแส NFT ซบเซาและขาดการใช้งานจริง เคยเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันวงการ NFT ไทย ผู้ใช้งานควรเร่งตรวจสอบบัญชีและติดตามประกาศถอนทรัพย์สิน
ปลายเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนคริปโตถูกปล้นเงินสดกว่า 3.4 ล้านบาทกลางลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว ขณะทำธุรกรรมซื้อขายเหรียญดิจิทัลกับกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนและมีดในการก่อเหตุ ผู้เสียหายได้นัดหมายซื้อขายล่วงหน้า ก่อนถูกบุกปล้นและหลบหนีโดยรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวน พบมีการวางแผนล่วงหน้า เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงสูงของการทำธุรกรรมนอกระบบและถือเงินสดจำนวนมากในตลาดคริปโต
Exness
AvaTrade
FOREX.com
Doo Prime
IronFX
FXTM
Exness
AvaTrade
FOREX.com
Doo Prime
IronFX
FXTM
Exness
AvaTrade
FOREX.com
Doo Prime
IronFX
FXTM
Exness
AvaTrade
FOREX.com
Doo Prime
IronFX
FXTM