简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลคดี บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมส่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลคดี บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พร้อมส่งต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวการสอบสวนการดำเนินคดีกับกับบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ในฐานความผิด ฉ้อโกงประชาชนซึ่งจากข้อเท็จจริงพบว่า บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เมื่อปี 2561 ให้มีบริการการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล
แต่ต่อมาในปี 2563 ได้มีการชักชวนประชาชนให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากไว้กับทางบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ภายใต้บริการที่มีชื่อเรียกว่า Zip up และ Zip up+ โดยเป็นบริการเปิดรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลจากลูกค้าและจะให้ผลตอบแทนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งนี้ บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้โอนสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าที่มาลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลงทุนกับบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ขาดทุนจนไม่สามารถนำมาเงินมาคืนให้กับลูกค้า จนกระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ได้ประกาศระงับการถอนเงินบาทและสินทรัพย์ดิจิทัลจาก “ZipUp” หรือ “Z Wallet” ทำให้ผู้ลงทุนได้รับความเสียหาย
กรณีบริษัท ซิปเม็กซ์ฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด และ นายเอกลาภฯ รวมแล้วเป็นจำนวน 10,977,000 บาท ในฐานความผิดที่เกี่ยวข้อง ตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นวงกว้างกับประชาชนจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อรับผิดชอบการสืบสวนคดีดังกล่าว โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย จำนวน 485 คน (เอกสารคำให้การ 20,210 แผ่น) รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท (คาดว่าจะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง) ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ บริษัท ซิปเม็กซ์ฯ เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ประกอบกับคดีนี้มีธุรกรรมทางการเงินที่มีความสลับซับซ้อนต้องรวบรวมและวิเคราะห์พยานหลักฐานจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนผู้เสียหายตั้งแต่สามร้อยคนขึ้นไป หรือมีจำนวนเงินที่กู้ยืมรวมกันตั้งแต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึ้นไปอันเข้าลักษณะการเป็นคดีพิเศษ จึงได้มีหนังสือส่งสำนวนการสอบสวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ตามระเบียบและกฎหมายต่อไป
ที่มา : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ราคาทองคำเช้าวันจันทร์ปรับลดลง จากแรงกดดันค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่คำขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์ยังไม่หนุนแรงซื้อทองอย่างมีนัยสำคัญ
Ricardo Salinas มหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเม็กซิโก ออกโรงเตือนถึงภัยจาก ระบบเงินเฟียต (Fiat money) ที่ไม่มีอะไรค้ำประกัน พร้อมประกาศชัดว่า Bitcoin และทองคำ คือทางรอดของความมั่งคั่งในยุคเศรษฐกิจเปราะบาง “บ้านสร้างเพิ่มได้…แต่ Bitcoin มีจำกัด” Salinas มองว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ที่เก็บมูลค่าอีกต่อไป เพราะถูกเงินเฟ้อกัดกิน ขณะที่ Bitcoin เป็น “Hard money” ที่ไม่มีใครควบคุมได้ และพกพาได้ไร้พรมแดน เขายังจี้ให้พิจารณารีไฟแนนซ์บ้าน แล้วเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อแทน พร้อมวิจารณ์แรงว่า…“เงินเฟียตคือเครื่องมือขโมยความมั่งคั่งของประชาชน”
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ
บทความนี้นำเสนอภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ ดอกเบี้ยนโยบายที่ยังอยู่ในระดับสูง และค่าเงินบาทที่ยังแกว่งตัว นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการคาดเดาตลาด และหันมา “วางแผน” โดยเน้นการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ รวมถึงสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดอย่าง REITs และหุ้นปันผล นอกจากนี้ยังแนะนำธีมการลงทุนเด่น เช่น หุ้นสุขภาพ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI และพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วงตลาดผันผวน เป้าหมายสำคัญคือการสร้างพอร์ตที่สมดุล ปรับตัวทัน และพร้อมรับความไม่แน่นอนในอนาคต