简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ทองคำเจอแรงกดดันอย่างหนักจากดัชนีดอลลาร์ที่เคลื่อนตัวอยู่ในระดับสูง
สรุป ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ โลกซึ่งกระตุ้นแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัยอย่างดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับกระตุ้นแรงขายสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่งเป็นสกุลเงินเสียงให้ร่วงลงสู่ระดับต่ําสุดในรอบ 2 ปี สถานการณ์ดังกล่าว กดดันให้ราคาทองคําดิ่งลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 1,784.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคําฟื้นตัวในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อ ทางเทคนิค หลังทองคําเข้าสู่ภาวะชายมากเกินไป(Oversold) ประกอบกับสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 53.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่ง เป็นระดับต่ําสุดในรอบ 2 ปี หรือ นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2020 และต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.9 สะท้อนกิจกรรมในภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวลง ขณะที่อัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.882% จากแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ซึ่งส่งผลหนุนทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของ ดอกเบี้ยเพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคําทะยานขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนกระทั่งขึ้นมาปิดตลาดเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคํามิติลง -8.41 ตัน สำหรับวันนี้ไม่มีกําหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายในวันนี้อาจเบาบางกว่าปกติ เนื่องจากตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดทองคําของสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ
หลังจากราคาทิ้งตัวลงแรง ราคามีการดีดตัวกลับขึ้นมา หากรักษาระดับได้ทำให้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านใน โซน 1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่งมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ โดยจะมี แนวต้านถัดไป 1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดวันก่อนหน้า) ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,797-1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์(1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์ระดับต่ำสุดของเดือนก.ค.)
คําแนะนําเปิดสถานะซื้อ $1,797-1,784
จุดทํากําไรขายเพื่อทํากําไร $1,821 -1,834
ตัดขาดทุนตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลด $1,784
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กลางเดือนมิถุนายน 2568 ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งสูงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่า ร้านค้าทองบางแห่งถึงขั้นหยุดซื้อ–ขายชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นักลงทุนควรติดตามข่าวสาร เข้าใจกลไกราคา และระมัดระวังการตัดสินใจท่ามกลางภาวะตลาดผันผวนสูง
บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
แจ้งไลฟ์สดโดย คุณเพชร จากเพจ "เพชรพร้อมเทรด" ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 – 15.00 น.
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เสื่อมสลายและสามารถช่วยรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหรือการเงินที่ผันผวน มันมีคุณสมบัติเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการซื้อทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ หรือผ่าน Gold ETFs และ Gold Futures นักลงทุนควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน.
FOREX.com
Exness
XM
FXTRADING.com
GTCFX
FXTM
FOREX.com
Exness
XM
FXTRADING.com
GTCFX
FXTM
FOREX.com
Exness
XM
FXTRADING.com
GTCFX
FXTM
FOREX.com
Exness
XM
FXTRADING.com
GTCFX
FXTM