简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ในภาพรวมของการเติบโตก็ยังคงมีความเสี่ยงรออยู่ด้วยเช่นกัน บางประเด็นก็เป็นข้อกังวลใหม่ที่แอบซ่อนอยู่ บางประเด็นก็เป็นสิ่งที่หลายคนก็จับตาอยู่ ว่ามีโอกาสที่จะเกิดแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ในภาพรวมของการเติบโตก็ยังคงมีความเสี่ยงรออยู่ด้วยเช่นกัน บางประเด็นก็เป็นข้อกังวลใหม่ที่แอบซ่อนอยู่ บางประเด็นก็เป็นสิ่งที่หลายคนก็จับตาอยู่ ว่ามีโอกาสที่จะเกิดแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ประเด็นแรกคือ Regalatary Risk หรือความเสี่ยงในด้านของการกำกับดูแลจากหน่วยงานรัฐบาล จากการที่ผมได้พูดคุยกับคนในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารัฐบาลของตัวเองต่างตื่นตัวขึ้นมากับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังไม่รู้ว่าจะเข้ามาจัดการตรงนี้อย่างไร ทำให้พวกเขาต้องมาดูต้นแบบในประเทศไทยเช่นกัน เพราะเรามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่แรก ๆ
ทำให้เราได้เริ่มเห็นการปรับตัวของผู้ประกอบธุรกิจนี้ โดยเฉพาะ Exchange ผู้ที่เริ่มธุรกิจนี้มาก่อนที่จะเกิดกฎหมายกำกับดูแล จึงเป็นการยากที่พวกเขาจะกลับเข้ามาอยู่ภายในการกำกับดูแล เพราะมีประเด็นในเรื่องของการเก็บข้อมูลในอดีตรวมอยู่ด้วย เราจึงได้เห็น Exchange เริ่มมีการย้ายถิ่นฐานของสำนักงานใหญ่ อย่างเช่น FTX หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ของโลก ได้ย้ายที่ตั้งสำนักงานจากฮ่องกงไปยังบาฮามาส
แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่เม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มสถาบันจะเริ่มเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ก็ยังมีความเชื่อว่าผู้ประกอบธุรกิจน่าจะยังหลีกเลี่ยงการควบคุมจากภาครัฐต่อไป เพราะด้วยหลักการสำคัญของคริปโต ที่จะต้องไม่มีการควบคุมแบบรวมศูนย์ ทำให้แนวทางนี้ยังต้องดำเนินต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่คนในวงการคริปโตล้วนแล้วอายุยังไม่เยอะมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 24-25 ปี ไม่เกิน 30 ปี ยังพอที่จะปรับตัวได้ทันต่อการเข้ามาควบคุมกำกับดูแลจากภาครัฐ
ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ในปีหน้าเราจะได้เห็น CBDC หรือสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับตลาดคริปโตมากนัก เพราะถึงแม้จะเป็นสกุลเงินในรูปแบบดิจิทัล แต่รัฐบาลก็ยังเป็นเจ้าของอยู่ดี
ส่วนอีกประเด็นที่ต้องจับตาคือการเติบโตของ NFT และ DeFi ว่าจะมีความแข็งแรงและยั่งยืนมากน้อยแค่ไหน แม้ว่าภาพรวมเราจะเห็นผู้เล่นหน้าใหม่หลั่งไหลเข้ามาใน Blockchain Games, DeFi Protocol และงานศิลปะบน NFT จำนวนมาก แต่ในส่วนของเม็ดเงินจะยังเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยหรือไม่นั้นยังคงต้องติดตามต่อไป อย่างเช่นเกมส์ Axie Infinity ที่ล่าสุดมีจำนวนผู้เล่นต่อวันกว่า 1.6 ล้านคน แต่ขณะเดียวกันแนวโน้มรายได้ที่เกิดขึ้นจากในเกมส์ก็เริ่มลดลง
รวมถึงมูลค่าเหรียญที่ล็อกไว้ใน DeFi Protocol แม้จะเราจะได้เห็นการสร้างสถิติใหม่ แต่ก็ไม่ได้เกิดจากการวาง Stablecoins เพื่อที่จะทำธุรกรรม แต่มาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเหรียญ Altcoin ที่นำมาลงทุนทำให้ตลาดในภาพรวมโตขึ้น
แต่ถ้าตลาดคริปโตเกิดปรับตัวลง ราคาเหรียญต่าง ๆ ก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ต้องมาดูกันว่า TVL หรือ Total Value Lock ในตลาด DeFi จะยังคงเติบโตได้อีกหรือไม่
เราสามารถอธิบายตลาดคริปโตโดยใช้ทฤษฎีสะท้อนกลับ (Reflexivity) ของ George Soros ได้ว่า เมื่อไรที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงก็จะดึงดูดคนให้เข้ามาลงทุนเพิ่ม แต่ถ้าเมื่อไรที่ราคาลดลงผู้คนก็จะหายไปจากตลาดด้วยเช่นกัน เราจึงยังต้องจับตาดูว่าถ้าตลาดเริ่มจะไม่เติบโต จะยังมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาลงทุนในคริปโตอย่างต่อเนื่องอีกหรือไม่
ถึงอย่างไรก็ตามวงการบล็อกเชนและคริปโตเดินทางมาไกลเกินกว่าจะเดินย้อนกลับแล้ว ทำให้เรายังสามารถเชื่อได้ว่า ภาพรวมตลาดในปีหน้ายังมีสิ่งใหม่ ๆ ที่รอจะเกิดขึ้นอีกมากมาย
บทความโดยกวิน พงษ์พันธ์เดชา ซีอีโอ Bitazza โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต.
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
FXCM
IC Markets Global
HFM
GO Markets
OANDA
GTCFX
FXCM
IC Markets Global
HFM
GO Markets
OANDA
GTCFX
FXCM
IC Markets Global
HFM
GO Markets
OANDA
GTCFX
FXCM
IC Markets Global
HFM
GO Markets
OANDA
GTCFX