简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:The Sandbox เป็นคำที่ฮิตมากในปี 2022 แล้วมันคืออะไร ทำไมราคาที่ดินใน The Sandbox ราคาพุ่งไปกว่า 20 เท่า รวมถึงบริษัททั่วโลกยังให้ความสนใจ!
คุณเชื่อหรือไม่ว่าในปี 2021 ที่ผ่านมาบริษัททั่วโลกต่างจับตาและให้ความสนใจไปที่ The Sandbox มากขึ้น แม้แต่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย SCB ยังไม่ยอมตกรถ วันนี้ WikiBit จะมาเล่าให้ฟัง!เหรียญ SAND คืออะไร?
เหรียญ SAND คืออะไร
เหรียญ SAND เป็น Token ที่สร้างตามมาตรฐาน ERC-20 บน Ethereum Blockchain มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 3,000,000,000 SAND สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในระบบนิเวศ (Ecosystem) ของ The Sandbox
The Sandbox คืออะไร
เป้าหมายหลักของ The Sandbox คือ การให้ผู้เล่นสามารถสร้าง เล่น แบ่งปัน รวมถึงการซื้อขายสิ่งที่ผู้เล่นสร้างขึ้นมาในแบบ Metaverse โดยที่ไม่มีการควบคุมหรือแทรกแซงโดยคนกลางใดๆ ซึ่งจะให้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของการสร้างสรรค์นั้นๆ ภายในเกมเป็นของผู้เล่น เช่น การซื้อที่ดินภายใน Sandbox
นอกจากนี้ยังให้ผู้เล่นสามารถหารายได้จากเกมในคอนเซปต์ ‘Play-to-Earn’ หรือการเล่นเพื่อสร้างรายได้ โดยผู้เล่นจะได้รับโทเคนที่ประจำระบบนิเวศของ ‘The Sandbox’ คือ ‘SAND’ เป็นผลตอบแทน
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาที่ดินใน Sandbox ราคาแพงขึ้น
ที่ดินในเกมมีจำนวนจำกัด
เนื่องจากการซื้อขายที่ดินบน The Sandbox ต้องใช้เหรียญ SAND ในการชำระค่าซื้อขายที่ดิน และนอกจากนั้นที่ดิน บน The Sandbox มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 166,464 LANDs หมายความว่า เมื่อวันหนึ่ง หากที่ดินบน The Sandbox มีเจ้าของทุกผืนแล้ว แต่ความต้องการซื้อหรือถือครองที่ดิน (Demand) ยังคงเพิ่มสูงขึ้น นั่นทำให้ราคาที่ดินอาจมีการปรับตัวสูงขึ้นด้วย ซึ่งเป็นไปตามกลไกของราคาตลาดตามหลักเศรษฐศาสตร์
นอกจากการซื้อขายในตลาดแรกบน The Sandbox Marketplace แล้ว เนื่องจากที่ดิน และตัวละครต่าง ๆ มีลักษณะเป็น Non-Fungible Token (NFT) ทำให้สามารถซื้อขายกันในตลาดรองอย่าง OpenSea ได้ อีกทั้งส่วนใหญ่มักซื้อขายกันด้วยเหรียญ SAND อีกด้วย ซึ่งการมีตลาดรองในการซื้อขายนั้น ทำให้ผู้เล่นมีความง่าย และสะดวกในการถือครองสินทรัพย์ในเกมมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เปิดโปงปรากฏการณ์ “Pump and Dump” ในโลกคริปโต ที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ชื่อเสียงปลุกกระแสเหรียญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมักได้รับค่าตอบแทนหรือถือเหรียญไว้ล่วงหน้า ก่อนราคาจะถูกปั่นขึ้นจากความเชื่อของผู้ติดตาม แล้วถูกเทขายจนเหรียญราคาร่วง กรณีศึกษา “SaveTheKids” ชี้ให้เห็นว่าแม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจรรยาบรรณ นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
“Bitcoin Pizza Day” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 เมื่อโปรแกรมเมอร์ชาวฟลอริดาชื่อ Laszlo Hanyecz ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 เหรียญซื้อพิซซ่า 2 ถาด ถือเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin ถูกใช้ในการซื้อสินค้าจริงในชีวิตประจำวัน แม้เหรียญเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพียง 1,300 บาทในตอนนั้น แต่หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน มูลค่าจะทะลุ 33,000 ล้านบาท เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยน Bitcoin จากแนวคิดในกลุ่มเล็ก ๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีอิทธิพลทางการเงินอย่างมหาศาล.
บทความนี้พาย้อนรอยคดีแชร์ลูกโซ่ในโลกคริปโต ตั้งแต่ BitConnect, OneCoin, PlusToken ไปจนถึงโปรเจกต์ไทยอย่าง HashBX และฟีเวอร์ ICO ในปี 2017–2018 สะท้อนให้เห็นรูปแบบหลอกลวงที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา แต่ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ “สัญญาผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น” โดยแฝงเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ บทเรียนสำคัญคือ นักลงทุนต้องระวังกับคำพูดที่ดูดีเกินจริง และควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ในระยะยาว.
บทความนี้อธิบาย “ทฤษฎีแมลงสาบ” ในโลกคริปโต โดยเปรียบคริปโตเคอเรนซีกับแมลงสาบที่อยู่รอดได้แม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ด้วยคุณสมบัติอย่างการกระจายศูนย์ ต้านการเซ็นเซอร์ และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว บทสรุปคือ คริปโตไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่อยู่รอดและพัฒนาได้ก็เพียงพอ.
FOREX.com
HFM
XM
GO Markets
EC Markets
FXTM
FOREX.com
HFM
XM
GO Markets
EC Markets
FXTM
FOREX.com
HFM
XM
GO Markets
EC Markets
FXTM
FOREX.com
HFM
XM
GO Markets
EC Markets
FXTM