简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สรุปราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 9.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมปิดตลาดในรายสัปดาห์ด้วยการดิ่งลงมากถึง 6% เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มี.ค.ปี 2020
สรุปราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 9.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมปิดตลาดในรายสัปดาห์ด้วยการดิ่งลงมากถึง 6% เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มี.ค.ปี 2020 โดยตลอดทั้ง สัปดาห์ราคาทองคําได้รับแรงกดดันจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ประจําเดือนมิ.ย.ที่มีการส่งสัญญาณเตรียมชะลอการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทั้งในแง่ของการปรับขึ้น -อัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปี 2023
รวมถึงเริ่มต้นหารือเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน OEตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าวด้วยความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์ หลุยส์ ที่กล่าวกับ CNBC ในวันศุกร์คาดว่า “เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้” ส่งผลให้นักลงทุนปรับเพิ่มการคาดการณ์การขึ้น อัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2022 สะท้อนจากสัญญา Eurodollar Futures ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในตลาด บ่งชี้ว่าตลาดเห็นถึงโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2022 และมีโอกาส 100% ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งภายในปี 2023 สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น 0.46% ในวันศุกร์แตะระดับสูงสุดที่ 192.405 สูงสุดตั้งแต่กลางเดือนเม.ย. พร้อมปิดรายสัปดาห์ด้วยการแข็งค่าขึ้น 2% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 14 เดือน ซึ่งผลกดดันให้ราคาทองคําร่วงลงทําระดับต่ําสุดบริเวณ 1,761.13
ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +11.07 ตันในวันศุกร์ซึ่งเป็นการถือครองทองคําเพิ่มมากสุดนับตั้งแต่ 15 ม.ค. และสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ สําหรับวันนี้ไม่มี การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แต่แนะนําติดตามถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์ก
หากราคาทองคําไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,781-1,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทําให้เกิดการอ่อนตัวลง โดยประเมินแนวรับบริเวณที 1,761-1,749 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ ประเมินว่าเป็ นเพียงแรงขายระยะสั้น ราคาอาจพยายามแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานราคา
คําแนะนํา ยังมีลุ้นที่ราคาทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,7811,787 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ดูแรงซื้อแรงขายในช่วงนี้เพื่อ ประกอบการตัดสินใจ หากไม่ผ่านแนะนําเปิดสถานะขาย ทํากําไรระยะสั้น โดยประเมินแนวรับโซน 1,761-1,749 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กลางเดือนมิถุนายน 2568 ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งสูงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่า ร้านค้าทองบางแห่งถึงขั้นหยุดซื้อ–ขายชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นักลงทุนควรติดตามข่าวสาร เข้าใจกลไกราคา และระมัดระวังการตัดสินใจท่ามกลางภาวะตลาดผันผวนสูง
บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
แจ้งไลฟ์สดโดย คุณเพชร จากเพจ "เพชรพร้อมเทรด" ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 – 15.00 น.
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เสื่อมสลายและสามารถช่วยรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหรือการเงินที่ผันผวน มันมีคุณสมบัติเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว การลงทุนในทองคำสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการซื้อทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ หรือผ่าน Gold ETFs และ Gold Futures นักลงทุนควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน.